Background.MyEm0.Com
Background.MyEm0.Com

คณะครุศาสตร์

เพื่อนกันตลอดไป









เริ่มต้นปีใหม่กับารเรียนภาษาอังกฤกันดีกว่า
แปลกไหมที่ตอนเราเป็นเด็ก เวลาฝึกพูดภาษาไทย ไม่เห็นมีพ่อแม่คนไหนบังคับให้ลูกท่องคำศัพท์ภาษาไทยอย่างน้อยวันละ 5 คำเพราะกลัวลูกจะพูดไทยไม่ได้ มีแต่พ่อแม่พูดภาษาไทยให้เราฟังเลย ทั้งๆ ที่เรายังไม่รู้คำศัพท์สักคำ แต่พอเราได้ยินคำนั้นบ่อยๆ เราก็จะพูดได้เอง เช่น เด็กได้ยินเสียงเรียก แม่พร้อมกับภาพผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาดูแล พอเด็กเริ่มพูดได้ก็จะเริ่มเรียก แม่เพราะได้ยินบ่อยๆ แถมเวลาเรียกก็จะมีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาหาทุกครั้ง นี่คือวิธีการเรียนรู้คำศัพท์แบบธรรมชาติอีกวิธีการหนึ่ง และยังมีอีกหลายวิธี ในการที่เราจะพัฒนาการเรียนภาษาอังกฤษ มาหาวิธีเรียนภาษาอังกฤษให้คล่องตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ต้อนรับปีใหม่ 2553 กันดีกว่า
1. เรียนภาษาอังกฤษวันละบททุกวัน
สำหรับคนที่มีโอกาสใช้อินเตอร์เน็ตไม่ว่าอยู่โรงเรียนหรือบ้าน การนำเสนอบทเรียนฟรีโดยเนื้อหาเป็นตัวอย่างการสนทนาในเรื่องต่างๆ ที่คุณสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้และนั่นจะทำให้ภาษาอังกฤษของคุณจะก้าวหน้าไปยิ่งขึ้น แต่ก็มีข้อจำกัดเรื่องอินเตอร์เน็ตละนะ
2. อ่านหนังสืออื่นๆ นอกเหนือไปจากคู่มือการเรียน
ไม่ว่าจะเป็นนิยาย บทละคร บทกวี หรืออื่นๆ ก็ได้ทั้งนั้น การอ่านเป็นภาษาอังกฤษนับว่าเป็นวิธีที่ดีอีกอย่างหนึ่งที่เราสามารถพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของเราได้ด้วยตนเอง จำไว้อยู่อย่างว่าความรู้ที่เราได้จากการอ่านจะถูกบันทึกในสมองของเราอย่างแม่นยำขึ้นถ้าคุณอ่านเรื่องที่เราสนใจ เพราะฉะนั้นเลือกหนังสือที่ถูกตาและเป็นที่น่าสนใจ! สำหรับข้อนี้น่าสนใจขึ้นไหม
3.ต้องเปิดปากพูดมันออกมาด้วย (ถ้ามีโอกาส) อย่าปฏิเสธว่าไม่มีโอกาสนะ อย่างน้อยก็เวลาเรียนในห้องเรียนล่ะ ประโยคแรกสุด คือการกล่าวคำทักทายครูใช่ไหมล่ะ
4. เขียนบันทึกเป็นภาษาอังกฤษ จะทำให้เราจำศัพท์และนำไปใช้ได้อย่างแม่นยำขึ้น ทักษะทางการเขียนของเราก็จะดีขึ้น ประโยคสั้นๆ ก่อนก็ยังดี แล้วค่อยพัฒนาไปประโยคยาวๆ ยากๆ เพื่อกันความผิดพลาดน้อยสุดทางไวยากรณ์ ลอกตัวอย่างในดิกชันนารีดูก่อน
5. เลือกนักร้องเพลงภาษาอังกฤษที่เราโปรดปราน พยายามจำเนื้อร้องให้ได้แล้วร้องคลอหรืออ่านเนื้อเพลงตาม เทปหรือซีดี จะช่วยให้คุณเรียนรู้ศัพท์เพิ่มขึ้นและทักษะการฟังของคุณก็จะพัฒนาขึ้นด้วย
6. หาเพื่อน pen pal หรือเพื่อนทางจดหมาย เป็นวิธีที่ดีอย่างหนึ่งในการที่เราจะฝึกทักษะการเขียนพร้อมๆ กับที่เรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตและวัฒนธรรมของคนอื่นอีกด้วย หาเพื่อนคู่เรียนกับนักเรียนที่กำลังเรียนภาษาอังกฤษคนอื่นๆ จะช่วยให้เรามีกำลังใจ และสนุกในการเรียนรู้มากขึ้น
7. ติดตามข่าวคราวเหตุการณ์ความเป็นไปในโลกเป็นภาษาอังกฤษดู ถึงแม้ว่าเราจะฟังไม่เข้าใจหมดเสียทุกอย่างก็พยายามฝึกฟังไปเรื่อยๆ ทุกๆ วัน รับรองว่าทักษะการฟังของเราละดีขึ้นผิดหูผิดตาในแต่ละอาทิตย์ที่ผ่านไป
เป็นอย่างไรบ้าง พอไหวไหม ทำได้ซักข้อก็ยังดีนะคะ มาฉลองปีนี้ด้วยการตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษให้คล่องอย่างที่หวัง แล้วที่สำคัญ เริ่มตั้งแต่บัดนี้เลยดีกว่า!
แหล่งที่มา http://englishtown.msn.co.th/sp/Article.aspx
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=krufiat&month=06-

เคล็ดลับ10 ข้อในการจำศัพท์ภาษาอังกฤษ

รู้สึกสมองตื้อทุกครั้งเมื่อนึกถึงการที่ต้องท่องจำศัพท์ภาษาอังกฤษซะมากมายใช่มั้ย? ที่จริงการท่องศัพท์ไม่จำเป็นต้องเป็นงานที่ทำให้ปวดหัวหรือเหนื่อยใจเสมอไปหรอก เชิญอ่านเคล็ดลับในการเรียนศัพท์ดังต่อไปนี้แล้วนำไปใช้รับรองได้ผล !

ความเกี่ยวเนื่อง: ถ้าคุณจัดคำศัพท์ออกเป็นหมวดหมู่ขึ้นอยู่กับความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันระหว่างศัพท์แล้วเขียนออกมาเป็นแผนผังจะทำให้คุณจำคำศัพท์ได้ง่ายขึ้น

เขียน: การนำคำศัพท์นั้นมาใช้จะทำให้คุณจำได้ฝังใจยิ่งขึ้น ลองเขียนแต่งประโยคโดยนำศัพท์ใหม่ที่เรียนนั้นมาประกอบหรือแต่งเรื่องโดยใช้กลุ่มคำศัพท์หรือสำนวนที่เรียนอยู่

วาดรูป: ดึงวิญญาณศิลปินในตัวคุณออกมาใช้ โดยการวาดรูปที่แสดงถึงศัพท์ที่คุณเรียนอยู่ ภาพที่คุณวาดจะช่วยกระตุ้นความทรงจำถึงศัพท์นั้นในอนาคต

แสดง: แสดงท่าทางประกอบคำศัพท์หรือสำนวนที่คุณกำลังเรียนอยู่ หรือจินตนาการว่าคุณจะแสดงออกอย่างไรในสถานการณ์ที่คุณต้องใช้ศัพท์คำนั้น

สร้าง: ออกแบบ flashcards ศัพท์ภาษาอังกฤษพร้อมความหมายแล้วเปิดอ่านหรือท่องในยามว่าง ทำเล่มใหม่ขึ้นทุกอาทิตย์และอย่าลืมทบทวนอันเก่าไปพร้อมๆ กันด้วย

ความสัมพันธ์: กำหนดแต่ละสีให้แต่ละคำศัพท์ ความสัมพันธ์ของแต่ละคู่จะช่วยให้คุณจำศัพท์นั้นได้แม่นขึ้นเมื่อนึกถึงคำนั้นในคราวต่อไป

ฟัง: นึกถึงศัพท์คำอื่นที่ออกเสียงคล้ายๆ กับคำศัพท์ใหม่ที่คุณพยายามเรียนอยู่ ใช้ความสัมพันธ์ตรงจุดนี้ในการช่วยให้คุณจำการออกเสียงของคำใหม่นั้น

เลือก: จำไว้ว่าการเรียนในหัวข้อที่คุณชอบหรือสนใจจะทำให้คุณรู้สึกว่ามันง่ายขึ้น ฉะนั้นคุณควรใส่ใจในการเลือกคำศัพท์ที่คุณคิดว่ามีประโยชน์หรือน่าสนใจ เพราะแม้แต่กระบวนการเลือกคำที่จะเรียนก็มีผลให้คุณจำได้แม่นและเร็วขึ้นด้วยเช่นกัน !

ข้อจำกัด: คุณก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอกที่คนเราจะจำศัพท์ที่มีอยู่ในดิกชันนารี่ทั้งหมดได้ในวันเดียว เพราะฉะนั้นจำกัดการเรียนศัพท์ใหม่แค่วันละ 15 คำก็พอแล้ว ซึ่งถ้าพยายามจำให้มากคำเกินไปกว่านี้แทนที่มันจะทำให้คุณรู้สึกมั่นใจกลับจะทำให้คุณสมองตื้อแทน

สังเกต: พยายามสังเกตหาคำศัพท์ที่คุณกำลังเรียนอยู่เมื่ออ่านหรือฟังภาษาอังกฤษ



เรื่องน่ารู้รอบตัว

ยินดีกับพี่บัณฑิต







แผนการสอนที่ 1
วิชา ภาษาอังกฤษ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
หน่วยที่ 3: Family เรื่อง Kaew’s family tree
ผู้สอน นางสาวรัชฎาภรณ์ พานจันทร์ เวลา 1 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ
การบูรณาการทักษะการสื่อสารเป็นการบรูณาการทางภาษาด้านการฟัง การพูด การอ่าน การเขียน มีความสำคัญในชีวิตประจำวันโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง Kaew’s family treeซึ่งเป็นข้อมูลส่วนตัวในครอบครัว เกี่ยวกับการเรียงลำดับญาติพี่น้องในครอบครัว การสอบถามข้อมูลส่วนตัวการถามและตอบข้อมูลสวนตัวของผู้อื่น นอกจากจะได้เรียนรู้วัฒนธรรมเจ้าของภาษาแล้วยังได้เรียนรู้วัฒนธรรมในชีวิตประจำวันด้วย
2. จุดประสงค์การเรียน
1. นักเรียนสามารถบอกความหมายของคำศัพท์เรื่อง Kaew’s family treeได้
2. นักเรียนสามารถอ่านเรื่อง Kaew’s family treeแล้วเติมคำในเนื้อเรื่องได้
3 นักเรียนสามารถเขียนบรรยายเกี่ยวกับครอบครัวของตัวเองได้
3. เนื้อหา (Content)
3.1 คำศัพท์เกี่ยวกับบทอ่านเรื่อง Kaew’s family tree
mother, father , brother , sister ,grandfather, grandmother ,
uncle, aunt , cousin, people, family, paint

3.2 บทอ่านเรื่อง Kaew’s family tree
My name is Keaw. There are 11 people in my family. They are Khun Poo Ming or my grandfather, Khun Yaa Noi or my grandmother. Khun Por is my father and Khun Mae is my mother. I have an uncle, Khun Loong Som, and an aunt, Khun Paa Dang. I have one sister. Her name is Pii Kung. I also have one brother. His name is Pii korn. I have two cousins, Pii Toh and Nong Lek. I also have one dog, Toob. I like to paint T-shirts.
นำมาจากหนังสือ : Project : Play & Learn Student’s Book. หน้า 2 และ หน้า 3

4. กิจกรรมการเรียนการสอน
โดยวิธีการสอนแบบ 4MAT หมายถึง การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพื่อตอบสนองความแตกต่างหลากหลายรูปแบบการเรียนรู้ของผู้เรียนที่เกิดการเรียนรู้จากการสังเกตไตร่ตรองเห็นคุณค่าและความสำคัญของสิ่งที่เรียนการสร้างความคิดรวบยอด การปฏิบัติและการเชื่อมโยงนำไปใช้ในชีวิตจริงและการรับรู้ความรู้สึก โดยในการเรียนแต่ละครั้งนักเรียนจะได้ฝึกฝนและพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารอย่างต่อเนื่อง มีขั้นตอนการสอน 8 ขั้น ดังนี้
ขั้นที่ 1 ขั้นสร้างประสบการณ์ (Creating experience)
1.ครูทักทายนักเรียน จากนั้น ครูแนะนำตัว พร้อมกับเขียนประโยคเป็นภาษาอังกฤษบนกระดาน แล้วสุ่มให้นักเรียนแนะนำตัวเองหลังจากนั้นครูให้นักเรียนจับคู่ฝึกถามตอบกับเพื่อน โดยใช้โครงสร้างประโยคบนกระดาน
T: Good morning. My name’s _ (ชื่อครู) _ .What’s your name?
SS: My name’s ____.
2. ครูสุ่มถามข้อมูลส่วนตัวของนักเรียนเพื่อทบทวนการถามตอบเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวของนักเรียนโดยใช้ประโยค
What’s your name? / How old are you?
Do you have any brother or sister?
3. เล่นเกมจับคู่คำศัพท์ โดยครูเรียงบัตรคำไว้บนกระดานแล้วให้นักเรียนช่วยกันจับคู่ เช่น
father - mother , brother – sister , uncle – aunt
ขั้นที่ 2 ขั้นวิเคราะห์ประสบการณ์ (Analyzing experience)
4. ครูนำคำศัพท์รูปภาพจากเกมทั้งหมดติดไว้บนกระดาน หลังจากนั้นครูอ่านออกเสียงคำศัพท์ แล้วให้นักเรียนอ่านออกเสียงตามครู
mother , father ,brother , sister , grandfather , grandmother , uncle ,aunt , niece , cousin ,
5. ครูชี้คำศัพท์รูปภาพแต่ละคำบนกระดานพร้อมตั้งคำถามโดยใช้ประโยค
T : What can you see in this picture?
SS : I can see a boy , a girl , a ….
T : Do you like this picture? Why?
SS : Yes. / No. I don’t like this picture.
ขั้นที่ 3 ขั้นปรับมวลประสบการณ์เป็นความคิดรวบยอด (Integrating reflection into concepts)
5.ครูนำเสนอคำศัพท์โดยการเสนอบัตรคำศัพท์หน้าชั้นเรียนจากตัวอย่างบทอ่านเรื่อง Keaw’s family tree(เหมือนในใบความรู้ที่ 1) โดยครูอ่านให้ฟัง 2 ครั้ง หลังจากนั้นให้นักเรียนอ่าน ตัวอย่างบทอ่านเรื่อง Keaw’s family tree(เหมือนในใบความรู้ที่ 1) อ่าน 1 ครั้งและสุ่มให้นักเรียนอ่านที่ละกลุ่ม (Group work) ทีละแถว ทีละคน (Individual work) อ่านให้ครูฟังและเพื่อนในชั้นฟัง
6. ครูแจ้งให้นักเรียนทราบว่าเมื่ออ่านใบความรู้ที่เป็นบทอ่านเรื่อง Keaw’s family tree จบแล้ว นักเรียนสามารถบอกได้ว่า ในบทอ่านมีใครบ้าง ช่วยกันค้นหาว่าสมาชิกในครอบครัวของ Keaw ว่ามีชื่ออะไรบ้าง ครูตั้งคำถามโดยใช้ประโยค
T : Whose family is it?
SS : The Kaew’s family.
T : Who are they?
SS : They are father and mother. / boy and girl. /brother / sister / father / mother / grandfather / grandmother /
aunt / cousin
7. ครูให้นักเรียนยกตัวอย่างคำถาม / คำตอบ เกี่ยวกับ Family Tree ของครอบครัว Keaw
ขั้นที่ 4 ขั้นพัฒนาความคิดด้วยข้อมูล (หาความรู้เพิ่มเติม) (Developing theories and concepts)
8. นักเรียนแต่ละคนแลกเปลี่ยนจับคู่กับเพื่อนเพื่อถาม/ตอบในใบความรู้ที่ 1 โดยครูให้ตัวอย่างการใช้ประโยคคำถาม / คำตอบ
คนที่ 1 : What can you see in this picture?
คนที่ 2 : I can see a boy, a girl, a ….
คนที่ 1 : This is brother? ( sister / father / mother / grandfather / grandmother / uncle / aunt / cousin)
คนที่ 2 : Yes / No
คนที่ 1 : What’s his / her name?
คนที่ 2 : His name is Pii korn.
9. ครูให้คำแนะนำถ้านักเรียนมีข้อผิดในการใช้ภาษา ศัพท์และสำนวน และให้นักเรียนแก้ไขโดยการเขียน คำถาม/คำตอบ ที่ใช้ในการถาม/ตอบจากการสนทนา

ขั้นที่ 5 ขั้นทำตามแนวคิดที่กำหนด (Working on defined concepts)
10. นักเรียนแต่ละคนวาดรูปและเขียน Family Tree ของครอบครัวตัวเองในใบงานที่ 1A (Worksheet 1 A) งานเดี่ยว (Individual work)
ขั้นที่ 6 ขั้นบูรณาการแนวคิด (Messing around)
11. ครูให้นักเรียนแลกเปลี่ยนจับคู่กับเพื่อนเพื่อถาม /ตอบ ดังตัวอย่างที่ได้ฝึกในขั้นที่ 4 (โดยในขณะที่ถาม/ตอบจะต้องแสดง Family Tree ให้เพื่อนๆ ในชั้นดู)
ขั้นที่ 7 ขั้นวิเคราะห์ผลและนำแนวคิดไปใช้ (Analyzing their own application of concepts for usefulness)
12. ครูแจกใบงาน ใบงานที่ 2A (Worksheet 2A) เป็นงานกลุ่ม (Group work) และมอบหมายให้ นักเรียนแต่ละคนในกลุ่มร่วมกันอภิปราย สรุปบทอ่าน แล้วช่วยกันต่อเติมข้อมูลให้สมบูรณ์ลงในใบงานที่เพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้น ครูจะช่วยให้คำแนะนำให้ถูกต้อง จากนั้นให้นักเรียนทำในใบงานที่ 3A (Worksheet 3A) งานเดี่ยว (Individual work) ทบทวนสิ่งที่เรียนมา
ขั้นที่ 8 ขั้นนำแนวคิดไปปฏิบัติและแลกเปลี่ยนความคิดกับผู้อื่น (Do it themselves and sharing what they do with others)
13. ครูนำผลงานของนักเรียนแต่ละคนที่ออกแบบในการเขียนในใบงานที่ 1A (Worksheet 1A) มาจัด Board หน้าห้องเรียน
5. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1. ภาพแผนภูมิครอบครัว Family‘s tree ของครอบครัว Keaw 3. บัตรคำศัพท์รูปภาพ
2. แถบโครงสร้างประโยคต่าง ๆ 4. ใบงาน
6. การวัดและประเมินผล
1. วิธีการวัดและประเมินผล
- ตรวจใบงาน
2. เครื่องมือวัดผลและประเมินผล
- ใบงาน
3. เกณฑ์การวัดและประเมินผล
- การตรวจใบงาน

7.บันทึกผลหลังการสอน
....................................................................
....................................................................
....................................................................
ลงชื่อ.............................................ผู้สอน
( นางสาวรัชฎาภรณ์ พานจันทร์ )
________/________/________














ชุดคำถาม หมวดรู้ไว้ใช่ว่า ...

1.การแลบลิ้นให้น้ำลายยืดลงพื้น 3 หยดจะแก้เผ็ดได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง อาการเผ็ดเกิดจากสารที่ชื่อ แคปไซซิน ที่อยู่ในพริกเข้าไปจับกับปลายประสาทรับรถที่ลิ้น ร่างกายจะก็จะแสดงปฎิกริยาโดบขับน้ำลายออกมาชะล้างเอาเจ้าสารนี้ออกไป

2.ดูดนมยางของเด็กทารกตอนนอนจะแก้อาการนอนกรนได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง การคาบหรืออมนายางของเด็กทารกไว้ในปากจะทำให้ลิ้นในปากอยู่นิ่ง ก็จะพลอยให้เนื้อเยื่อของเพดานไม่กระเทือนสั่นไหวขึ้นจึงไม่เกิดอาการกรน และไม่นอนอ้าปากอีกด้วย

3.การสูดกลิ่นตัวผู้ชายทำให้หายเครียดได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะกลิ่นตัวผู้ชายที่เป็นคนรักนั้นมีสาร ฟีโรโมน ผสมอยู่โดยเฉพาะในผมและผิวของเขา เมื่อสูดดมแล้วจะช่วยลดอาการเครียดและเหนื่อยล้าลงได้

4.แอปเปิ้ลผลิตกระแสไฟฟ้าได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง ถ้าเสียบแผ่นสังกะสี และแผ่นทองแดง กรดในแอปเปิ้ลจะทำให้เกิดการแตกตัวของไอออน ทำให้ลูกแอปเปิ้ลเป็นเหมือนแบตเตอรี่ ซึ่งผลไม้ชนิดอื่นเช่น มะนาว เกรป ฟรุ๊ต หรือมันฝรั่ง ก็ทำได้เช่นกัน

5.ปัสสาวะมนุษย์ใช้ทำยาสีฟันในสมัยโบราณ จริงหรือ
เฉลย
จริง โดยแพทย์ชาวโรมันเชื่อว่า ปัสสาวะมนุษย์ มีคุณสมบัติทำให้ฟันขาว และแข็งแรง ยาสีฟันในยุคดังกล่าว จึงเป็น น้ำยาบ้วนปากที่ทำจากปัสสาวะมนุษย์

6.วัวกระทิงเกลียดสีแดง จริงหรือ
เฉลย
ไม่จริง เพราะ วัวเป็นสัตว์ตาบอดสี ไม่สามารถแยกแยะสีต่างๆ ได้ แต่การที่วัวเมื่อถูกล่อด้วยผ้าแดงเหมือนในสนามสู้วัว แล้วก็พุ่งเข้าใส่นั้น เป็นเพราะความรำคาญ และเพราะถูกยั่วยุมากกว่า

7.เพชรแท้จะไม่ติดสีหมึก จริงหรือ
เฉลย
จริง การทดสอบดูเพชรแท้นั้น ให้ป้ายน้ำหมึกสีดำไปบนเพชร ถ้ามีความลื่นออก ไม่ติดอยู่บนเพชร แสดงว่าเป็นเพชรแท้ แต่ถ้ายังมีจุดดำตรงที่แต้มอยู่ ก็แสดงว่าเป็นเพชรเทียม

8.การทะเลาะกันทำให้แผลหายช้า จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะ ความเครียดที่เกิดขึ้น ทั้งระหว่าง และหลังจากการทะเลาะกัน จะส่งผลให้ร่างกายลดการผลิตโปรตีนเม็ดเลือด ที่มีประโยชน์ต่อการรักษาบาดแผล หรือส่วนที่สึกหรอในร่างกายให้น้อยลง ทำให้บาดแผลต่างๆ หายช้า

9.แสงแดดอ่อนๆ ช่วยป้องกันโรคซึมเศร้าได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะ แสงแดดอ่อนๆ จะช่วยลดการสร้างฮอร์โมนเมลาโตนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการนอนหลับ ถ้าหากเก็บตัวอยู่แต่ในที่มืดจะทำให้ฮอร์โมนตัวนี้สูงขึ้น และอาจส่งผลให้เกิดการง่วง เหงา ซึมเซา ได้

10.การฟังเพลงช่วยบรรเทาอาการปวดข้อได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะ การฟังเพลงทำให้สมองหลั่งสารเอนดอร์ฟินส์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนสร้างความสุขออกมา ช่วยลดความดันโลหิต และบรรเทาอาการปวดข้อลงได้
ชุดคำถามหมวดความสวยความงาม

1.กินหวานมากทำให้ผิวเหี่ยว จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะ เมื่อร่างกายมีน้ำตาลอยู่ในกระแสเลือดมากเกินไป มันจะไปเกาะติดกับเส้นใยโปรตีนที่อยู่ระหว่างเซลล์ผิว ทำให้เกิดภาวะผิวเครียดขึ้น และนำไปสู่อาการแก่ก่อนวัย ผิวหยาบกร้าน และเหี่ยวย่นในที่สุด

2.การยืนเอาปลายนิ้วมือแตะปลายนิ้วเท้าจะทำให้ผิวหน้าดูสดใส จริงหรือ
เฉลย
จริง โดยการยืนเอาปลายนิ้วมือแตะปลายนิ้วเท้า ก้มตัวต่ำๆค้างไว้นับ 1-30 แล้วค่อยๆ ยืนขึ้นจะทำให้โลหิตบริเวณหนังศีรษะ และใบหน้าหมุนเวียนได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลกระทบให้ผิวหน้าดูสดใสขึ้น

3.เอาน้ำแข็งถูหน้าก่อนนอนจะทำให้หายมันได้ จริงหรือ
เฉลย
ไม่จริง แต่แก้ปัญหาหน้ามันได้โดยการ ใช้น้ำเมือกว่านหางจระเข้ทาหน้าให้ทั่วใบหน้า ทาแล้วไม่ต้องล้างออก น้ำเมือกจะแห้งไปเองภายใน ๕ - ๑๐ นาที ทำก่อนนอน แค่นี่หน้าก็จะหาย

4.การสวมเสื้อผ้าหนาๆ เพื่อให้เหงื่อออกเยอะๆ จะทำให้ผอมเร็วจริงหรือ
เฉลย
ไม่จริง การที่เหงื่อออกเยอะคือ ภาวะที่ร่างกายโดนความร้อนแล้วระบายความร้อนออกมา ไม่ใช่การเผาผลาญไขมันออกมา เพราะฉะนั้นพอเราดื่มน้ำเข้าไป น้ำหนักก็จะเท่าเดิม

5.คนผิวแห้งมีโอกาสเกิดริ้วรอยกว่าคนผิวมัน จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะคนผิวแห้งขาด ซีบัม หรือสารไขมัน ทำให้กลไกลการปกป้องตนเองของผิวหนังทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะฉะนั้นคนผิวแห้งควรดูแล และทาครีมบำรุงเพื่อความชุ่มชื่นแก่ผิวพิเศษกว่าคนผิวมัน

6.การฝึกกลั้นหายใจสามารถชะลอหน้าแก่ก่อนวัยได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง โดยการหายใจออกทางปากอย่างช้าๆ จนสุดลม แล้วหายใจเข้าทางจมูกอย่างช้าๆ ให้เต็มปอด กลั้นไว้ระยะหนึ่ง แล้วจึงหายใจออกอย่างช้าๆ ทำแบบนี้วันละ 2 ครั้งๆ ละ 20 นาที จะช่วยชะลอผิวแก่ก่อนวัย และรอยคล้ำ ได้

7.การร้องไห้ช่วยลดความอ้วนได้ จริงหรือ
เฉลย
ไม่จริง แต่การหัวเราะต่างหากที่ช่วยเผาผลาญแคลอรีให้หมดไปได้ดีกว่าอยู่เฉยๆ ได้มากถึง 20% ซึ่งหากได้หัวเราะวันละสัก 10 -15 นาที จะช่วยเผาผลาญพลังงานลงได้มากถึง 50 แคลอรี

8.กาวตราช้างใช้รักษาส้นเท้าแตกได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะ เมื่อปิดหนังที่แตกด้วยกาวตราช้าง สิ่งสกปรกจะเข้าไปในรอยแตกไม่ได้ ผิวจะไม่ ถูกรบกวน จึงมีการซ่อมแซมตนเองขึ้นมา มีการสร้างเซลล์ใหม่ และผลัดเซลล์เก่าออก กาวช้างก็จะหลุดออกไป แต่ห้ามใช้กับคนที่แพ้กาวตราช้าง

9.การเต้นรำทำให้ผิวสวยได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะ การเต้นรำเพียงวันละ 20 นาที ช่วยเผาผลาญแคลอรี กระตุ้นระบบการหายใจ และระบบหมุนเวียนโลหิต ทำให้เลือดลมเดินทั่วผิว ทำให้ผิวสวยมีสุขภาพดี

10.การใส่กระโปรงสั้นในห้องแอร์เป็นประจำทำให้ขาใหญ่ได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะ ช่วงขาส่วนที่อยู่นอกกระโปรงจะเกิดการสะสมไขมันเป็นพิเศษ เพื่อให้เข้ากับสภาพอากาศ โดยเฉพาะเมื่อผิวหนังเจอความหนาวเย็น ทำให้เกิดเซลลูไลท์ขึ้นจนทำให้ขาใหญ่ ถ้าหากจำเป็นต้องใส่กระโปรงสั้นจริงๆ ควรใส่ถุงน่องเพื่อเพิ่มความอบอุ่น











ปัญหาต่าง ๆ ที่ถาโถมเข้ามาในชีวิตของเรา..
>>>…บ่อยครั้งที่เราอยากจะพูด..
>>>…อยากจะระบายความรู้สึก..
>>>…ให้ใครสักคนได้รับทราบ.. ในเวลาที่มีทุกข์..





ขอเพียงมีใครสัก..ที่คอยปลอบใจ..









เวลาที่เราไม่สบายใจ.. ขอเพียงมีใครสัก.. คน
>>>…ที่คอยรับฟังสิ่งที่เราอยากจะพูด..
>>>…แม้ไม่มีความคิดเห็นใด ๆ..
>>>…หรือข้อเสนอแนะทางออกใด ๆ.. เพียงมีใครสักคน.. ที่เข้าใจเรา..
>>>…โดยไม่พูดจา..ให้ร้าย..ให้ช้ำใจ..
>>>…หรือซ้ำเติม..ในความเจ็บปวดที่ผ่านมา..

กับหัวใจที่อ่อนล้า..


กับทุกความรู้สึก..

ที่ยังคงฝังใจ..

จะมีใครสักคนบ้างไหม..???




ที่จะเรียนรู้การเป็นผู้ฟังที่ดีสักคน..

ในการช่วยผ่อนคลายอารมณ์..และความรู้สึก..
>>>…ของผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ..
>>>…ให้มีกำลังใจสู้ใหม่.. อย่าลืมบอกใจตนเองว่า.. หากหัวใจที่อ่อนล้า..
>>>…ย่อมส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอ.. หากหัวใจที่เข้มแข็ง..
>>>…ย่อมแปรเปลี่ยนเป็นพลังใจ..
>>>…ให้เราก้าวเดิน..และสู้ต่อไป..




และอย่าลืม.. ที่จะให้กำลังใจตนเอง..

และพยายามพิสูจน์ความอ่อนล้า..

ท้อแท้..

และสิ้นหวัง..
ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่..

ที่เข้าใจตนเอง..


ที่มา : dhammathai

ท้อ แท้มากเลย

นกรู้สึกเหงา หว้าเหว่ ท้อ เหนื่อยใจ
นกไม่มีเพื่อนเลย ขนาดไปกินข้าวนกยังไม่มีเพื่อนเลยย
ที่บ้านก็มีปัญหา
นกกลุ้มเหลือเกิน.....
นกไม่รู้เลยยย ไม่อาจคาดเดาได้เลย
อนาคตจะเป็นยังงัย
แม่ต้องไปทำงาน เพื่อส่งนกเรียน นกเห็นแก่ตัวจริงๆๆเลยย
ทำให้พ่อแม่ต้องลำบาก
ทำให้น้องๆๆต้องมีปัญหาไปด้วยยยย
เพราะต้องส่งนกเรียน น้องเลยยยจะไม่เรียนต่อ นกควรทำยังงัยดี
นกนี้มันเห็นแก่ตัวจริงๆเลยยยย
นกอายุก็เยอะเเล้ว ยังให้พ่อแม่เลี้ยง ไม่เหมือนเพื่อนคนอื่นที่เขาทำงานแล้วส่งตังค์ให้แม่ พ่อ ใช้
เรานี้มันลูกเห็นแก่ตัวจริงๆๆๆ
นกสงสาร พ่อ แม่ น้อง พี่ นก เหลือเกินนนนนนนนนนนนนนนน
ต้องทนลำบากเพราะส่งเราเรียนนนนนนนนนนน


ที่บ้านสอนเราไว้ว่า อย่าอวดดี อย่าอวดเก่ง อย่าอวดรวย

อย่าได้เอาแต่ได้ เห็นแก่ตัว จงมองที่ผลประโยชน์ส่วนรวมก่อน

คนที่ยิ้มง่าย มองโลกในแง่ดี ได้เปรียบกว่าผู้อื่น เพราะจะมีความสุขกว่า

ปล่อยวาง

เกรงใจผู้อื่น เหมือนที่อยากให้ผู้อื่นเกรงใจเรา

"แฟน" มีความหมายคือ "เพื่อนต่างเพศที่สนิทใจ อยู่ด้วยแล้วสบายใจเหมือนอยู่กับเพื่อน"
เราไม่จำเป็นต้องทำตัวดีเลิศต่อหน้าเขา เพียงแค่เป็นตัวเองให้มากที่สุด

การยอมรับความจริง เป็นการแสดงความกล้าหาญที่มีอยู่ในจิตใจถึงแม้
ความจริงจะเป็นสิ่งที่เจ็บปวดบ้าง แต่ถ้าเรายอมรับมันได้ เราคือผู้ชนะ...........................



คิดถึง-รัก-เคารพ แม่-พ่อ เสมอ.......
จาก ๐๐นก๐๐

ประวัติความเป็นมาวันวาเลนไทน์

กำเนิดวันวาเลนไทน์ เทศกาลวาเลนไทน์ เริ่มมีขึ้นตั้งแต่ยุคที่จักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจ ในยุคนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี ถูกจัดให้เป็นวันหยุด เพื่อเป็นเกียรติแต่เทพเจ้าจูโน่ผู้เป็นจักรพรรดินีแห่งเทพเจ้าโรมัน นอกจากนี้แล้วพระองค์ยังทรงเป็นเทพเจ้าแห่งอิสตรีเพศและการแต่งงาน และในวันถัดมา คือวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เป็นวันเริ่มต้นเทศกาลเฉลิมฉลองแห่งลูเพอร์คาร์เลีย การดำเนินชีวิตของหนุ่มสาวจะถูกตัดขาดออกจากกันอย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม มีขนบธรรมเนียมอย่างหนึ่งของชายหนุ่มก็คือ การจับฉลาก ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ก่อนที่จะเริ่มต้นเทศกาลลูเพอร์คาร์เลีย ชื่อของเด็กสาวจะถูกเขียนลงในเศษกระดาษและใส่ลงในไห ชายหนุ่มแต่ละคนจะจับฉลากเพื่อเลือกคู่ในเทศกาลเฉลิมฉลองนี้ บ่อยครั้งที่หนุ่มสาวต่างถูกใจกัน และแต่งงานกันในเวลาต่อมา
ในรัชสมัยของจักรพรรดิคลอดิอัสที่ 2 แห่งโรม พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่มีใจคอดุร้าย และทรงนิยมการทำสงครามนองเลือด ได้ทรงตระหนักว่าเหตุที่ชายหนุ่มส่วนมากไม่ประสงค์จะเข้าร่วมในกองทัพ เนื่องมาจาก ไม่อยากจากคู่รัก และครอบครัวไป จึงทรงมีพระราชโองการสั่งห้ามมิให้มีการจัดพิธีหมั้นและแต่งงานกันในโรมโดยเด็ดขาด ทำให้ประชาชนทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง ขณะนั้นเอง พระรูปหนึ่งนามว่า เซนต์วาเลนไทน์ซึ่งอาศัยอยู่ในโทรม ได้ร่วมมือกับเซนต์มาริอัส จัดพิธีแต่งงานให้กับชาวคริสต์หลายคู่ และด้วยความปรารถนาดีของท่านนี้เอง จึงทำให้ท่านถูกตัดสินประหารชีวิตโดยเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ.270 ซึ่งตรงกับเทศกาลลูเพอร์คาร์เลีย ตามประเพณีโบราณพอดี ณ โอกาสนี้เอง กลุ่มคนนอกศาสนาได้รื้อฟื้นประเพณีจับฉลากขึ้นมาใหม่ โดยชายหนุ่มจะเป็นผู้เขียนชื่อหญิงสาวลงไปด้วยตัวเอง ต่อมาพระในนิกายโรมันคาทอลิกจึงเลือกให้วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความรัก และดูเหมือนว่ายังคงเป็นธรรมเนียม ที่ชายหนุ่มจะเลือกหญิงสาวที่ตนเองพึงใจในวันวาเลนไทน์ สืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้

Visit Cute-Spot.com!ประวัติวันวาเลนไทน์
วาเลนไทน์ (Valentine) คือวันที่ระลึกถึง นักบุญเซนต์วาเลนไทน์ (Saint Valentine) ผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตา ความรัก และความปรารถนาดี ต่อเพื่อนมนุษย์อย่างแท้จริง แต่สุดท้ายเขาต้องจบชีวิตลงด้วยการรับโทษประหารในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 หรือเมื่อประมาณ 1,728 ปีล่วงเลยมาแล้ว ซึ่งเป็นยุคสมัยของจักรวรรดิโรมันที่ศาสนาคริสต์ยังไม่เป็นที่ยอมรับ ซํ้าร้ายภายใต้การปกครองของกษัตริย์ "คลอดิอุสที่ 2" ผู้ออกกฎหมายบีบบังคับให้ประชาชนเลิกนับถือ และห้ามให้มีแต่งงานของพวกคริสเตียนเกิดขึ้น แต่ยังคงมีผู้นำคริสเตียนคนหนึ่งชื่อ "วาเลนตินัส" หรือที่ได้รับการยกย่องเป็น เซนต์วาเลนไทน์ ในภายหลัง คอยลักลอบแอบจัดงานแต่งงานให้กับคู่รักคริสเตียนจนถูกจับขังและรับโทษทรมานแสนสาหัสอยู่ในคุก
ในขณะที่ถูกคุมขังนั้น เขาก็พบรักกับสาวตาบอด ซึ่งเธอเป็นลูกสาวของผู้คุมในคุก ด้วยความรักและคำอธิษฐานของเขา พระเจ้าได้ทรงโปรดให้ตาของสาวคนรักหายเป็นปกติ เมื่อความนี้ล่วงรู้ถึงหูกษัตริย์คลอดิอุสที่ 2 พระองค์จึงสั่งให้ลงโทษ วาเลนตินัส ด้วยการโบยและนำไปประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะ ในคืนสุดท้ายก่อนที่เขาจะถูกนำไปประหารนั้น ได้เขียนจดหมายสั้น ๆ เป็นการอำลาส่งไปให้หญิงคนรักของเขา โดยลงท้ายในจดหมายว่า
"...จากวาเลนไทน์ของเธอ (Love From Your Valentine)"
ต่อมาเมื่อคนทั่วไปทราบเรื่องราวจึงเกิดความประทับใจในความรักของเขา ยึดถือเอาวันที่14 กุมภาพันธ์ ของทุกปีเป็น "วันแห่งความรัก" Saint Valentine's Day หรือ Valentine'sDay และได้นิยมแพร่หลายไปทั่วยุโรป อเมริกา รวมทั้งในทวีปเอเชียด้วย

ของขวัญวันวาเลนไทน์ ของขวัญที่นิยม ของขวัญแทนใจวันแห่งความรัก
ดอกไม้ ให้ความหมายของการบอกรักได้ดีที่สุด ที่ฮิตสุดเห็นจะเป็น
- กุหลาบแดง หมายถึง ความรักและความปรารถนา เป็นดอกไม้ของกามเทพ เป็นสิ่งนำโชคมาสู่ผู้หญิงที่ได้รับ
- กุหลาบขาว หมายถึง ความมีเสน่ห์ ความบริสุทธิ์ ความเงียบสงบ และนำโชคมาสู่ผู้หญิงที่ได้รับเช่นเดียวกับดอกกุหลาบแดง
- กุหลาบสีชมพู หมายถึง ความรักที่มีความสุขอย่างสมบูรณ์ที่สุด
- กุหลาบสีเหลืองหรือสีส้ม หมายถึง ความรักร้อนแรงและยาวนาน ไม่จืดจาง หวานชื่น และมีความสุข
- กุหลาบตูม หมายถึง ความรักและความเยาว์วัย
- กุหลาบบาน หมายถึง ความรักที่กำลังเบ่งบาน ความอ่อนหวาน สดชื่น

Visit Cute-Spot.com!สําหรับคนที่อยากได้อะไรแตกต่างยังมีดอกอื่นๆ อาทิ
- ดอกคาร์เนชั่นสีแดง หมายถึง รักอย่างสุดซึ้ง,
- ดอกลิลลี่สีขาว หมายถึง ความโรแมนติก อ่อนหวานระหว่างคุณและคนรัก,
- ดอกทิวลิปสีแแดง หมายถึง ความรักที่จะร่วมฟันฝ่าไปด้วยกัน
- ดอกไวโอเล็ต ที่แทนความหมายของการให้รักตอบแทน


ช็อกโกแลต นักจิตวิทยาหลายคนเชื่อว่า ช็อกโกแลตเป็นตัวช่วยเสริมอารมณ์รัก และรสชาติความหวานก็เป็นสิ่งที่แทนความรู้สึกวันแห่งความรักได้อย่างดี และยังมีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่าในช็อกโกแลตมีสารช่วยกระตุ้นสมองโดยออกฤทธิ์คล้าย แอมเฟตามีน เป็นตัวเบิกทางความรู้สึกลึกๆแห่งรักได้ดี
การ์ด อันนี้เป็นของจําเป็นควบคู่ไปกับดอกไม้ และช็อกโกแลต เลือกตามแบบที่ชอบ เขียนความในใจตามแบบที่อยากให้คนที่ได้รับอ่านแล้วเข้าใจในทันที แถมหาซื้อไม่ยากด้วย
ตุ๊กตา เป็นสิ่งที่ให้กันได้ทุกเทศกาลอยู่แล้ว แต่พิเศษสําหรับวันแห่งความรักคงต้องเลือกสรรให้น่ารัก น่าประทับใจแทนความหมายได้ทุกอารมณ์แล้วแต่คุณจะหยิบแบบไหน
เทียนหอม มาแรงในหมู่หนุ่มสาวชาวไทย ที่สื่อได้ทั้งความหมายจากรูปทรงหัวใจ และให้กลิ่นหอมชวนหลงใหลตามแต่ใครจะเลือกได้ถูกใจอีกฝ่ายแค่ไหน
มื้อค่ำ ขาดไม่ได้เลยสำหรับมื้อพิเศษในวันแห่งความรัก ไม่ว่าจะเป็นสถานที่แบบไหน ในบ้าน ร้านอาหาร หรือริมทะเล แต่ขอให้มีแต่คุณและคนรักไปกันสองคนก็แล้วกัน


เพลงน่าฟัง